วันกองทัพอากาศ 27 มีนาคม
ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงพิจารณาเห็นว่าประเทศไทย
จำเป็นจะต้องมีเครื่องบินไว้เพื่อป้องกันภัยการคุกคามที่จะเกิดขึ้นดังนั้น
กระทรวงกลาโหมจึงตั้ง
"แผนการบิน" การบินของไทยช่วงระยะเริ่มแรกนั้นมีนักบินเพียง
3 คน
ไปศึกษาวิชาการบิน ณ
ประเทศฝรั่งเศส ได้แก่
พันตรีหลวงศักดิ์ศัลยาวุธ ร้อยเอกหลวงอาวุธสิขิก
และร้อยโทหลวงทิพย์เกตุทัด ทั้งสามท่านได้สำเร็จการศึกษาแล้ว
ได้รับพระราชทานยศและบรรดาศักดิ์ตามลำดับคือ พลอากาศโท
พระยาเฉลิมอากาศ นาวาอากาศเอก พระยาเวหาสานศิลปสิทธ์ และนาวาอากาศเอก
พระยาทะยานพิฆาต และทั้ง 3 ท่าน นี้ได้รับการยกย่องจากกองทัพอากาศให้เป็น
"บุพการีของกองทัพอากาศ"
การบินไทยช่วงระยะเริ่มแรกนั้นมีเพียงนักบิน 3 คน และเครื่องบิน 8 ลำ โดยใช้สนามม้าสระปทุม
(ราชกรีฑาสโมสร) เป็นสนามบินต่อมา
ได้ย้ายมาที่ตำบลดอนเมือง
เป็นที่ตั้งสนามบินแห่งใหม่ เนื่องจากมีความเหมาะสม
และความสะดวกมากกว่า ในวันที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2457
กระทรวงกลาโหมได้ยกแผนกการบินขึ้นเป็น "กองบินทหารบก"
ดังนั้นกองทัพอากาศจึงกำหนดให้วันที่ 27 มีนาคมของทุกปีเป็น "วันที่ระลึกกองทัพอากาศ"
กระทรวงกลาโหม ได้มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงการเรียกชื่อจากกรมอากาศยานทหาร
เป็น "กรมทหารอากาศ" ในปี พ.ศ.2464
และต่อมาได้เปลี่ยนเป็น "กรมทหารอากาศ"
นอกจากนี้ได้มีการเปลี่ยนแปลงเครื่องแบบจากสีเขียวเป็นสีเทา
และมีการกำหนดยศทหาร
ต่อมาการทหารอากาศได้ยกฐานะเป็น "กองทัพอากาศ" โดยมีผุ้บัญชาการทหารคนแรกแห่งกองทัพอากาศคือ นาวาอากาศเอก
พระเวชยันต์รังสฤษฎ์
กองกำลังทางอากาศได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในการปกป้องรักษาอธิปไตยของชาติ
ในการเข้าร่วมรบในสงครามต่างๆ และการเข้าร่วมรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 ในปี พ.ศ.2460
ทำให้ประเทศชาติ ได้รับเกียรติยกย่องเป็นอันมาก ดังนั้นราชการจึงได้ยกฐานะ "กองบินทหารบก"
เป็นกรมอากาศยานทหารบก
นอกจากการพัฒนากองกำลังในด้านการสงครามแล้วนั้น
กองกำลังทางอากาศได้มีการพัฒนาประเทศชาติในกิจการหลายๆ ด้าน เช่น การบิน
ส่งไปรษณีย์ทางอากาศ
การส่งแพทย์และเวชภัณฑ์ทางอากาศ เป็นต้น
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น