วันสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
28 ธันวาคม ของทุกปี
28 ธันวาคม ของทุกปี
๏ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช หรือ สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี
๏ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระนามเดิมว่า สิน พระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗เป็นบุตรของ นายไหฮอง และ นางนกเอี้ยง ซึ่ง พระยาจักรีได้ขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ยังเยาว์เมื่ออายุได้ ๕ ปี พระยาจักรีได้นำไปฝากเรียนกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส( วัดคลัง )โดยเรียนหนังสือขอมและหนังสือไทยจนจบบริบูรณ์ แล้วจึงเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉาน เมื่ออายุได้ ๕ ปี พระยาจักรีได้นำไปฝากเรียนกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส( วัดคลัง )โดยเรียนหนังสือขอมและหนังสือไทยจนจบบริบูรณ์ แล้วจึงเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉาน เมื่ออายุครบ ๑๓ ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระธรรมราชาธิราชที่ ๓ ( สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ )พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำราชการกับหลวงศักดิ์นายเวรซึ่งเป็นบุตรของพระยาจักรี เมื่อมีเวลาว่างจะไปเรียนวิชากับอาจารย์จีน อาจารย์ญวนและอาจารย์แขก จนสามารถพูดภาษาทั้งสามได้อย่างคล่องแคล่วเมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดโกษาวาสพระภิกษุสิน อยู่ในสมณเพศได้ ๓ พรรษา ก็ลาสิกขาและกลับเข้ารับราชการตามเดิม ด้วยความฉลาดรอบรู้ขนบธรรมเนียม ภารกิจต่างๆเป็นอย่างดีจนสามารถทำงานต่างพระเนตรพระกรรณได้จึงได้รับพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นมหาดเล็กรายงานราชการทั้งหลายในกรมมหาดไทย และกรมวังศาลหลวงครั้น พ.ศ. ๒๓๐๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคตสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จ เสวยราชสมบัติได้ ๓ เดือนเศษก็ถวายราชสมบัติให้พระเชษฐาสมเด็จพระบรมราชาที่ ๓ ( สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์โปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงานเป็นข้าหลวงเชิญท้องตราราชสีห์ขึ้นไปชำระความหัว เมืองฝ่ายเหนือซึ่งนายสินปฏิบัติราชการได้สำเร็จเรียบร้อย จนมีความชอบมากจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกบัตรเมืองตาก ช่วยราชการพระยาตากเมื่อพระยาตากถึงแก่กรรม ก็โปรดให้เลื่อนเป็นพระยาตากเพื่อปกครองเมืองตาก
๏ สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช มีพระนามเดิมว่า สิน พระราชสมภพเมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ. ๒๒๗๗เป็นบุตรของ นายไหฮอง และ นางนกเอี้ยง ซึ่ง พระยาจักรีได้ขอไปเลี้ยงเป็นบุตรบุญธรรม ตั้งแต่ยังเยาว์เมื่ออายุได้ ๕ ปี พระยาจักรีได้นำไปฝากเรียนกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส( วัดคลัง )โดยเรียนหนังสือขอมและหนังสือไทยจนจบบริบูรณ์ แล้วจึงเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉาน เมื่ออายุได้ ๕ ปี พระยาจักรีได้นำไปฝากเรียนกับพระอาจารย์ทองดี วัดโกษาวาส( วัดคลัง )โดยเรียนหนังสือขอมและหนังสือไทยจนจบบริบูรณ์ แล้วจึงเรียนพระไตรปิฎกจนแตกฉาน เมื่ออายุครบ ๑๓ ปี เจ้าพระยาจักรีได้นำตัวเด็กชายสิน ไปถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมเด็จพระธรรมราชาธิราชที่ ๓ ( สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ )พระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ทำราชการกับหลวงศักดิ์นายเวรซึ่งเป็นบุตรของพระยาจักรี เมื่อมีเวลาว่างจะไปเรียนวิชากับอาจารย์จีน อาจารย์ญวนและอาจารย์แขก จนสามารถพูดภาษาทั้งสามได้อย่างคล่องแคล่วเมื่ออายุครบ ๒๑ ปี ได้อุปสมบท ณ วัดโกษาวาสพระภิกษุสิน อยู่ในสมณเพศได้ ๓ พรรษา ก็ลาสิกขาและกลับเข้ารับราชการตามเดิม ด้วยความฉลาดรอบรู้ขนบธรรมเนียม ภารกิจต่างๆเป็นอย่างดีจนสามารถทำงานต่างพระเนตรพระกรรณได้จึงได้รับพระ กรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นมหาดเล็กรายงานราชการทั้งหลายในกรมมหาดไทย และกรมวังศาลหลวงครั้น พ.ศ. ๒๓๐๑ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศเสด็จสวรรคตสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอุทุมพรเสด็จ เสวยราชสมบัติได้ ๓ เดือนเศษก็ถวายราชสมบัติให้พระเชษฐาสมเด็จพระบรมราชาที่ ๓ ( สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์สมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์โปรดเกล้าฯ ให้นายสินมหาดเล็กรายงานเป็นข้าหลวงเชิญท้องตราราชสีห์ขึ้นไปชำระความหัว เมืองฝ่ายเหนือซึ่งนายสินปฏิบัติราชการได้สำเร็จเรียบร้อย จนมีความชอบมากจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นหลวงยกบัตรเมืองตาก ช่วยราชการพระยาตากเมื่อพระยาตากถึงแก่กรรม ก็โปรดให้เลื่อนเป็นพระยาตากเพื่อปกครองเมืองตาก
ในปี พ.ศ. ๒๓๐๗
พม่ายกกองทัพมาตีหัวเมืองปักษ์ใต้ของไทยโดยมีมังมหานรธาเป็นแม่ทัพ
ปรากฎว่าพม่าตีเมืองทางใต้ได้อย่างง่ายดายจึงตีเรื่อยตลอดหัวเมืองทางใต้จน
ถึงเมืองเพชรบุรีทางีอยุธยาได้ส่งกองทัพไทยซึ่งมีพระยาโกษาธิบดีกับพระยาตาก
ไปรักษาเมืองเพชรบุรีไว้ จนตีพม่าแตกถอยไปทางด่านสิงขรต่อมาปี พ.ศ. ๒๓๐๘
พม่ายกกองทัพมาตีไทยอีกพระยาตากได้มาช่วยรักษาพระนครไว้ได้จึงได้บำเน็จความ
ดีความชอบในสงครามจึงโปรดให้เลื่อนเป็น พระยาวชิรปราการ
เจ้าเมืองกำแพงเพชรแต่ยังไม่ทันได้ปกครองเมืองกำแพงเพชร
ก็เกิดศึกกับพม่าครั้งสำคัญขึ้นจึงถูกเรียกตัวให้เข้ารับราชการในกรุง
เพื่อป้องกันพระนครจนถึงปี พ.ศ. ๒๓๐๙
ขณะที่ไทยกับพม่ากำลังรบกันอย่างดุเดือดพระยาวชิรปราการ
เกิดท้อแท้ใจหลายประการคือ
๑. พระยาวชิรปราการ คุมทหารออกไปรบนอกเมืองจนได้ชัยชนะยึดค่ายพม่าได้แต่ทางผู้รักษาพระนครไม่ ส่งกำลังไปหนุน ทำให้พม่าสามารถยึดค่ายกลับคืนได้
๒. ขณะที่ยกทัพเรือออกรบร่วมกับพระยาเพชรบุรีนั้นพระยาวชิรปราการ เห็นว่าพม่ามีกำลังมากกว่าจึงห้ามมิให้พระยาเพชรบุรีออกรบแต่พระยาเพชรบุรี ไม่เชื่อฟัง ขืนออกรบ และพ่ายแพ้แกพม่าจนตัวตายในที่รบ
พระยาวชิรปราการ ถูกกล่าวหาว่าทอดทิ้งให้พระยาเพชรบุรีเป็นอันตราย
๓. ก่อนเสียกรุง ๓ เดือน พม่ายกทัพเข้าปล้นพระนครทางด้านที่พระยาวชิรปราการรักษาอยู่ เมื่อเห็นจวนตัวพระยาวชิรปราการจึงยิงปืนใหญ่ขัดขวางโดยมิได้ขออนุญาตจาก ศาลาลูกขุน จึงถูกฟ้องชำระโทษให้ภาคทัณฑ์
ด้วยสาเหตุดังกล่าว
พระยาวชิรปราการเห็นว่าขืนอยู่ช่วยป้องกันพระนครต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด
และเชื่อว่ากรุงศรีอยุธยาต้องเสียแก่พม่าในครั้งนี้เป็นแนด้วยผู้นำอ่อนแอ
และไม่นำพาต่อราชการบ้านเมืองจึงรวบรวมสมัครพรรคพวกได้ประมาณ ๕๐๐ คน
ตีฝ่าวงล้อมออกจากค่ายพิชัย
มุ่งออกไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ในสมัยพระเจ้าเอกทัศน์
จึงนับว่าเป็นพระมหากษัตริย์องค์สุดท้ายของกรุงศรีอยุธยาหลังจากเสียกรุง
ศรีอยุธยาแล้ว บ้านเมืองเกิดแตกแยก
หัวเมืองต่างๆตั้งตัวเป็นใหญต่างคนต่างรวมสมัครพรรคพวก ตั้งเป็นก๊กต่างๆ
ได้แก่ก๊กสุกี้พระนายกอง ก๊กพระยาพิษณุโลก
ก๊กเจ้าพระฝางก๊กเจ้าพระยานครศรีธรรมราช และก๊กเจ้าพิมาย๑. พระยาวชิรปราการ คุมทหารออกไปรบนอกเมืองจนได้ชัยชนะยึดค่ายพม่าได้แต่ทางผู้รักษาพระนครไม่ ส่งกำลังไปหนุน ทำให้พม่าสามารถยึดค่ายกลับคืนได้
๒. ขณะที่ยกทัพเรือออกรบร่วมกับพระยาเพชรบุรีนั้นพระยาวชิรปราการ เห็นว่าพม่ามีกำลังมากกว่าจึงห้ามมิให้พระยาเพชรบุรีออกรบแต่พระยาเพชรบุรี ไม่เชื่อฟัง ขืนออกรบ และพ่ายแพ้แกพม่าจนตัวตายในที่รบ
พระยาวชิรปราการ ถูกกล่าวหาว่าทอดทิ้งให้พระยาเพชรบุรีเป็นอันตราย
๓. ก่อนเสียกรุง ๓ เดือน พม่ายกทัพเข้าปล้นพระนครทางด้านที่พระยาวชิรปราการรักษาอยู่ เมื่อเห็นจวนตัวพระยาวชิรปราการจึงยิงปืนใหญ่ขัดขวางโดยมิได้ขออนุญาตจาก ศาลาลูกขุน จึงถูกฟ้องชำระโทษให้ภาคทัณฑ์
พระยาวชิรปราการได้จัดเตรียมกองทัพ
สะสมเสบียงอาหารศาสตราวุธ และกองทัพเรืออยู่เป็นเวลา ๓
เดือนก็ยกกองทัพเรือเข้ามาทางปากน้ำเจ้าพระยา
ตีเมืองธนบุรีแตกจับนายทองอินประหารแล้วเลยไปตีค่ายโพธิ์สามต้นจนแตกยับเยิน
สุกี้พระนายกองตายในที่รบ ขับไล่พม่าออกไปพ้นแผ่นดินไทยสำเร็จในปี พ.ศ.
๒๓๑๐ ซึ่งใช้เวลากู้อิสรบคืนจากพม่า ภายในเวลา ๗ เดือนเท่านั้น จากนั้น
พระยาวชิรปราการจึงยกทัพกลับมากรุงธนบุรีและปราบดาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์
ทรงพระนามว่า สมเด็จพระบรมราชาที่๔แต่ประชาชนนิยมเรียกพระนามว่า พระเจ้าตากสิน
เมื่อวันที่ ๒๘ ธันวาคมพ.ศ.
๒๓๑๑และสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานีด้วยและต่อจากนั้นพระเจ้าตากสินก็ยกกอง
ทัพไปปราบปรามก๊กต่างๆ จนราบคาบทรงใช้เวลารวบรวมอณาเขตอยู่ ๓ ปี คือตั้งแต่
พ.ศ. ๒๓๑๑ – พ.ศ. ๒๓๑๓ จึงได้อณาเขตกลับคืนมา
รวมเป็นพระราชอณาจักรเดียวกันดังเดิมสมเด็จพระเจ้าตากสิน ทรงสวรรคตเมื่อ
พ.ศ. ๒๓๒๕ สิริพระชนมายุได้ ๔๘ พรรษาทรงครองราชย์เป็นเวลา ๑๕ ปี
พระองค์ทรงเป็นพระมหากษัตริย์ที่ทรงพระปรีชาสามารถกอบกู้ประเทศชาติให้เป็น
เอกราชอิสรภาพตราบเท่าทุกวันนี้ประชาราษฎร์ผู้สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
จึงยกย่องถวายพระเกียรติพระองค์ท่านว่ามหาราช คณะรัฐบาล ข้าราชการ พ่อค้า
ประชาชนทุกหมู่เหล่า
ได้พร้อมใจกันสร้างอนุเสาวรีย์เพื่อน้อมรำลึกในพระเกียรติประวัติ เกียรติยศ
เกียรติคุณ ให้ปรากฎกับอนุชนตราบเท่าทุกวันนี้
อนุเสาวรีย์นี้สร้างขึ้นเป็นอนุสรณ์เฉลิมพระบรมราชกฤดาภินิหาร
แห่ง
สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช
พระองค์ผู้เป็นมหาวีรบุรุษของชาติไทย
ประสูติ พ.ศ. ๒๒๗๗ สวรรคต พ.ศ. ๒๓๒๕
รัฐบาลไทยพร้อมด้วยประชาชนชาวไทย
ได้ร่วมกันสร้างขึ้นประดิษฐานไว้
เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๗
เพื่อเตือนใจให้ประชาชนไทย รำลึกถึง
พระมหากรุณาธิคุณ
ที่ได้ทรงเพียรพยายามปราบปราม
อริราชศัตรู
กอบกู้เอกราชของชาติไทย ให้กลับคืนดำรง
อิสรภาพสืบมา